วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Sunday Is On the Way : วันอาทิตย์กำลังจะมา

Sunday Is On the Way : วันอาทิตย์กำลังจะมา

 

Today's Verse: พระธรรมประจำวัน

"They will flog Him and kill Him; and on the third day He will rise again" (Luke 18:33, AMP).

 

Today's Word: บทความประจำวัน

 

ในทุกๆปีคนทั้งโลกจะถวายเกียรติพระเจ้าในวันศุกร์ประเสริฐ เนื่องจากเป็นวันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน มันเป็นเวลาแห่ความมืดมน เจ็บปวด เป็นวันที่สุดแสนท้อใจของพระเยซู สำหรับคนอื่นๆทั่วไปก็เหมือนว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ดูเหมือนว่าศัตรูของพระองค์ได้รับชัยชนะไปแล้ว แต่ว่าพระเจ้าทรงมีแผนการอื่น ศัตรูของพระเยซูได้ฝังพระศพในอุโมงค์ในวันศุกร์ และเฉลิมฉลองชัยชนะของพวกเขา แต่เมื่อเช้าวันอาทิตย์ เรื่องกลับตาลปัตรเป็นอีกเรื่องทีเดียว

Every year all over the world, people honor Good Friday as they day Jesus was crucified. It was the darkest, most painful, discouraging day of His life. To others, it looked as if it was over. It looked as if His enemies had gotten the best of Him. But God had other plans. Jesus' enemies put Him in the grave on Friday celebrating their victory, but Sunday morning was a different story.

 

เพราะว่าอุโมงค์นั้นปิดขังพระเยซูไว้ไม่ได้ ความตายไม่สามารถกักขังพระองค์ไว้ได้ อำนาจแห่งความมืดไม่สามารถหยุดยั้งพระองค์ได้ และแล้วในวันที่สาม พระเยซูทรงออกมาจากอุโมงค์และตรัสว่า "เราได้ตายไปแล้ว แต่ตอนนี้เรากลับมีชีวิตอยู่ และอยู่ตลอดนิรันดรกาล"

The grave could not hold Him. Death couldn't contain Him. The forces of darkness couldn't stop Him. On the third day, Jesus came out of the grave and He said, "I was dead, but now I am alive forevermore."

 

หลักการหนึ่งที่การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูได้สอนเราก็คือพระเจ้าจะทรงทำทุกสิ่งที่พระองค์เริ่มต้นไว้ให้สำเร็จอย่างแน่นอน ไม่ว่ามันจะดูมืดมนแค่ไหน ไม่ว่าจะนานเท่าไร ไม่ว่าจะมีใครทำให้คุณท้อแท้ แต่หากคุณยังมีความเชื่อ พระเจ้าจะนำคุณจากวันศุกร์ไปสู่วันอาทิตย์ คุณจะได้เห็นว่าวันเวลาแห่งความสำเร็จได้เกิดกับคุณเพราะว่าพระเจ้าจะทำสิ่งที่พระองค์เริ่มต้นไว้ให้สำเร็จ

One principle that the resurrection teaches us is that God will always finish what He started. No matter how dark it looks, no matter how long it's been, no matter how many people are trying to push you down; if you will stay in faith, God will always take you from Friday to Sunday. You will see your day of breakthrough because God will complete what He started.

 

หากคุณกำลังอยู่ในห้วงเวลาที่มืดมน จงจำไว้ว่าวันเวลาแห่งการฟื้นคืนชีพ วันอาทิตย์ของคุณกำลังจะมาถึง จงยืนหยัด รักษาความเชื่อไว้ เพราะว่าไม่ช้าไม่นานคุณจะได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นอีก ไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิมตามที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้คุณ

If you are going through a dark time today, remember that your day of resurrection, your "Sunday" is on the way! Keep standing, keep believing, because soon you will rise up into the higher places He has in store for you!

 

Prayer for Today: คำอธิษฐานประจำวัน

 

พระบิดาในสวรรค์ ลูกขอบพระคุณพระองค์ ที่ฤทธิ์เดชแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ อยู่ในชีวิตของลูก ลูกขอตั้งตาคอบพระองค์ ผู้เป็นผู้เริ่มต้นความเชื่อและทำให้ความเชื่อนั้นสำเร็จผล ลูกขอบพระคุณที่วันเวลาแห่งชัยชนะของลูกกำลังจะมาถึง ในพระนามพระเยซู เอเมน

Father in heaven, thank You for Your resurrection power that is alive in me. I choose to keep my eyes on You, the Author and Finisher of my faith. Thank You that my day of breakthrough is on its way! In Jesus' Name. Amen!



See all the ways you can stay connected to friends and family

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เมื่อผู้ยิ่งใหญ่ก้าวเข้ามา When the Master Steps In

เมื่อผู้ยิ่งใหญ่ก้าวเข้ามา When the Master Steps In

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้รู้เรื่องเกี่ยวกับ เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่ชอบเปียโนมาก เขาจะคอยดีดเปียโนในทุกครั้งที่เขามีโอกาส เขาเองไม่ได้เรียนเปียโนมาก่อนเพราะว่า ครูบอกว่าเขายังตัวเล็กเกินไปและยังเด็กเกินกว่าจะเล่นเปียโนได้ แต่ว่าเขาก็ไม่สนใจคำพูดพวกนี้หรอก เขากลับฝึกฝน และเล่นเพลงที่เขารู้จัก ซึ่งก็รู้จักอยู่แค่เพลงเดียวก็คือ เพลงที่ชื่อว่า "Chopsticks"

Not long ago, I heard a story about a five–year–old boy who loved the piano. Any time he got the chance; he would sit down and fiddle around on the keys. He never had lessons or formal training because he was told that he was too small or too young to play the piano. But in spite of those comments, he continued to practice and practice the only song he knew how to play, "Chopsticks."

 

อยู่มาวันหนึ่ง คุณพ่อของเด็กน้อยคนนี้ก็ซื้อตั๋วชมการแสดงดนตรีคลาสสิก ซึ่งในการแสดงนี้มีนักเปียโนชื่อดังมาเล่นร่วมกับวงซิมโฟนีวงหนึ่ง ซึ่งนักเปียโนคนนี้นับว่าเป็น หนึ่งในสุดยอดฝีมือด้านเปียโนเลยทีเดียว และในวันแสดงคอนเสิร์จนี้เอง ตอนที่พวกเขากำลังเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของเขา เด็กน้อยก็ไปเห็นแกรนด์เปียโนหลังงามที่อยู่หลังม่านบนเวทีการแสดง พอเขามองซ้ายมองขวาไม่เห็นว่ามีใคร เขาก็แอบไปลองเล่นเปียโนดู และก็แน่นอนว่าเขาเล่นเพลงที่ เขาถนัดเพลงเดียว คือ "Chopsticks" ซึ่งเขาก็เล่นเพลงนี้ในเวอร์ชั่นที่ง่ายๆสำหรับผู้เริ่มต้นตามที่เขาจะเล่นได้

One day, the boy's father surprised him with tickets to go to the symphony and hear a world–renowned Italian pianist. This man was one of the greatest pianists that had ever lived. The night of the concert arrived and as they walked to their seats, the little boy saw the beautiful grand piano on stage behind the curtain. When no one was looking, he snuck over and sat down on the piano bench and began to play his elementary version of chopsticks.

 

ต่อมาเมื่อเวลาแสดงใกล้เข้ามา ม่านการแสดงก็เปิดออก และผู้ชมก็ตั้งตารอชมนักเปียโนผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลก แต่ทว่าที่ผู้ชมเห็นกลับเป็นเด็กน้อยที่กำลังเล่นเพลง "Chopsticks" ซึ่งเด็กน้อยก็กำลังเพลินเลยไม่ทันจะรู้สึกตัวว่ามีคนดูเขาอยู่นะ แต่ว่าเมื่อเขาเริ่มรู้ตัว เขาก็ตกใจตัวแข็งทื่อเลยทีเดียว

About that time, the curtain began to rise and the audience was prepared to see the world–famous, master pianist. Instead, they saw the little boy hunched over the keys playing "Chopsticks." The boy was so caught up in his world that he didn't even know anyone was watching. When he suddenly realized what was happening, he was petrified.

 

พอเป็นอย่างนั้นเขาก็ทำท่าจะลุกหนี แต่ว่าก่อนที่เขาจะลุกจากเก้าอี้เปียโน ก็มีแขนใหญ่ๆคู่หนึ่งมาโอบรั้งเขาไว้ และมีมือใหญ่ๆคู่หนึ่งมาอยู่บนคีย์เปียโน ซึ่งไม่ใช่ของใครอื่น คุณนักเปียโนผู้ยิ่งใหญ่นั่นเอง เขาก็กระซิบบอกเด็กน้อยว่า "เล่นต่อไปซิ" แล้วเด็กน้อยก็เล่นเปียโนเพลงเดิม "Chopsticks" ในแบบง่ายๆทีเขาเล่นได้นั้น และแล้วนักเปียโนชื่อดังก็เริ่มบรรเลงบทเพลงเดียวกันนี้ ในจัวงหวะและคีย์เดียวกันกับที่เด็กน้อยเล่น

And just as he was about to get up and run for his life, two big arms reached around him and placed two big hands on the piano keys. It was the master pianist. He whispered in the little boy's ear, "Keep playing." As the little boy continued to play his simple rendition of "Chopsticks", this world–renown pianist began to play a Beethoven Symphony piece scored in the same cadence and key.

 

ด้วยการนำของผู้ยิ่งใหญ่นี้ วงออเครสต้าทั้งวงก็เริ่มบรรเลงเข้ามา เริ่มจากเครื่องเป่า เครื่องแตร เสียงกลองต่างๆ และแล้วคุณพ่อของเด็กน้อยนี้ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งของเขาก็เริ่มน้ำตาไหล เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้เลย เขาไม่เคยฝันเลยว่าเพลงแบบง่ายๆที่เขาได้ยินทุกวันในห้องนั่งเล่นจะกลายเป็นเพลงซิมโฟนีที่ไพเราะและงดงามแบบนี้

Under the direction of the master, the rest of the orchestra came in. First, he brought in the woodwinds, then the brass, then the percussion. The boy's father sat there with tears coming down his cheeks. He couldn't believe what he was experiencing. He never dreamed that simple tune he heard in his living room each day would become a beautifully orchestrated Beethoven symphony.

 

มีอะไรที่มันแตกต่างกันนะหรือ? สิ่งนั่นก็คือ ผู้ยิ่งใหญ่ได้ก้าวเข้ามา

What was the difference? The master stepped in.

บางครั้งในชีวิตของคุณ คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณไม่เก่ง ไม่ฉลาด ไม่รู้เคล็ดลับพิเศษอะไร ผู้คนเขาก็ไม่ได้มองเห็นความต้องการหรือว่าความสามารถของคุณ แต่ว่าผมมีข่าวดีมาบอกคุณ คือ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พระเจ้าพระองค์ทรงมองเห็น เมื่อใดที่คุณใช้ความสามารถที่คุณมี เท่าที่คุณมี ท่านผู้ยิ่งใหญ่จะก้าวเข้ามา พระองต์ตจะวางพระหัตถ์บนมือของคุณ พระองค์จะนำเอาสิ่งที่คุณคิดว่า มันเป็นแค่สิ่งที่สุดแสนจะธรรมดา แค่ความสามารถแบบที่คนทั่วไปมีกัน พระเจ้าสามารถที่จะนำเอาสิ่งเหล่านั้นมาเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นงานชิ้นเอกได้

Sometimes in life, you may not feel like you have the talent, the wisdom, or the "know how." People may not see your desire or ability, but the good news is: God does. When you use what you have, the Master will step in. He'll put His hands on top of your hands. He'll take what you think is average–average gifts, average talent, average ability–and He'll turn your life into a masterpiece.

 

เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์  ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ประกอบการดี  ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ (เอเฟซัส 2:10)

For we are God's masterpiece. He has created us anew in Christ Jesus, so we can do the good things He planned for us long ago (Ephesians 2:10, NLT.)





What can you do with the new Windows Live? Find out